สวัสดีครับ เพื่อนๆ พิมพ์บทความชุดเรื่อง "การแก้ไขเครดิตบูโร" แป๊บเดียว มาถึงตอนที่ 7 แล้วนะครับ ตอนที่ผ่านๆ มา ผมได้ดำเนินการต่อเนื่องในการตรวจสอบข้อมูลเครดิตของตัวเอง และรีบดำเนินการยื่นเรื่องขอแก้ไขข้อมูลเครดิตของตัวเองให้เรียบร้อย จนมาถึง Blacklist หรือเครดิตเสีย บัญชีสุดท้าย คือบัญชีบัตรเครดิตของธนาคารไทยพาณิชย์
ผมรู้ตัวดัีว่า บัญชีนี้ ผมยังคงค้างการชำระกับธนาคารไทยพาณิชย์อยู่ และผมก็ไม่อยากให้เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ผมจึงควรทำการติดต่อกับทางไทยพาณิชย์เอง เป็นไปได้ว่า ผมเปลี่ยนเบอร์มือถือบ่อย ย้ายที่อยู่หลายแห่ง ธนาคารคงติดต่อผมลำบาก เราจึงควรติดต่อไปเอง เพื่อให้บัญชีนี้ปิดเรื่องอย่างเรียบร้อย เนื่องจากเราไม่รู้หรอกว่า ในชีวิตของเราในวันข้างหน้า ต้องการเครดิตหรือไม่ ส่วนตัวผมเวลานี้ ผมไม่ต้องการเครดิตในระบบ แต่อนาคตไม่รู้ ดังนั้นอะไรที่ควรทำก็ทำ เพราะเงินที่ผมค้างกับไทยพาณิชย์ก็ไม่มากมายเท่าไหร่

ภาพสแกนรายงานบัญชีบัตรเครดิตไทยพาณิชย์ของผมครับ

ดูที่ตำแหน่งที่ 1 จะเห็นว่าเป็น X1 หมายถึง ระงับการให้บริการ ความหมายนี้ร้ายแรงอีกเช่นกัน เท่าที่ผมทราบมา แต่ไม่ชัดเจนนัก บัญชีผมรายการนี้ถูกตีเป็นหนี้เีสียแล้ว แต่ก็ยังคงอยู่ในสถานะที่ทางตัวแทนฝ่ายกฏหมายของทางธนาคารไทยพาณิชย์ ต้องติดตามทวงหนี้อยู่ดีครับ ที่สำคัญมากๆ เราควรแก้ไขสถานะ X1 นี้มากๆ นะครับ เพื่อนๆ ทุกคน


จากรายงานการชำระเงิน 25 เดือนจะเห็นว่า ตรงท้ายเขียนว่า "ไม่มีข้อมูล" ซึ่งแสดงให้เห็นว่า เป็นบัญชีที่มีประวัติแปลกๆ ตามความเข้าใจของผม แต่โดยสถานะ X1 ก็ชัดเจนถึงการเป็นบัญชี Blacklist ผมจึงต้องควรรีบจัดการกับบัญชีเครดิตเสียตัวนี้ ตามที่ตั้งใจ ในการดำเนินการเรื่องการแก้ไขเครดิตบูโร ให้กับตัวเอง
ดังเช่นที่ผมเกริ่นนำในตอนต้นของบทความ ผมจึงตั้งต้นติดต่อไปที่เบอร์กลางของไทยพาณิชย์ จนทราบว่าบัญชีหนี้เสียของผมไปอยู่ในส่วนการจัดการหนี้เสีย ที่ตั้งอยู่บนถนนชิดลม และบนถนนเพชรบุรี ซึ่งหน่วยงานนี้ของไทยพาณิชย์ก็ได้แนะนำให้ไปคุยกับบริษัทตัวแทนที่รับบริหารหนี้เสียให้กับไทยพาณิชย์ น่าจะเป็นบริษัทกฏหมาย (หลังจากนั้นก็ทราบชื่อว่า เป็นบริษัทกฏหมายจริงๆ ชื่อ บริษัท เดอะคอลเล็คเตอร์ส จำกัด - ที่ปรึกษาคดีความและทนายความ)
ในตอนหน้า เพื่อนๆ มาตามอ่านการเจรจาต่อรอง ด้วยเหตุ ด้วยผล ที่ตัวผมมีความต้องการจะชำระหนี้ ที่สำคัญนะครับ ในตอนที่ 8 ตอนหน้ามีความสำคัญมากๆ เลยครับ ถ้าผมไม่ได้ทำขั้นตอนนี้ คงเสียใจในความผิดพลาดของตัวเองแน่ๆ ผมจึงถือว่าเป็นตอนที่ควรอ่านอีกตอนหนึ่ง ที่จะทำให้เพื่อนๆ ไม่พลาด ถ้ามีความต้องการจะเคลียร์หนี้ และแก้ไขเครดิตของตัวเองครับ
ขอบคุณครับ
ปรีดา ลิ้มนนทกุล
086-314-7866
- little-31 : "การแก้ไขเครดิตบูโร" ตอนที่ 7.5 (ความหมายของสถานะของเครดิตบูโร)
- little-30 : "การแก้ไขเครดิตบูโร" ตอนที่ 7 (ติดตามหนี้สินเอง ดีกว่าถูกติดตามทวงถาม)
- little-29 : "การแก้ไขเครดิตบูโร" ตอนที่ 6 (การแจ้งผลการใช้สิทธิแก้ไขเครดิตบูโร ของฮ่องกงแบงค์ จากบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด)
- little-28 : "การแก้ไขเครดิตบูโร" ตอนที่ 5 (การเดินเรื่องขอแก้ไขข้อมูลเครดิต กับบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด)
- little-27 : "การแก้ไขเครดิตบูโร" ตอนที่ 4 (ศึกษารายละเอียดเครดิตเสีย blacklist จากตัวอย่างจริงของผม กับ Blacklist ของธนาคารฮ่องกงแบงค์)
- little-26 : "การแก้ไขเครดิตบูโร" ตอนที่ 3 (ศึกษารายละเอียดเครดิตเสีย blacklist จากตัวอย่างจริงของผม กับ Blacklist ของธนาคารกรุงเทพ)
- little-25 : "การแก้ไขเครดิตบูโร" ตอนที่ 2 (ทราบผลเครดิตบูโรจากบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด)
- little-24 : "การแก้ไขเครดิตบูโร" ตอนที่ 1 (สำรวจเครดิตบูโรของตัวเอง)
ขอบคุณคุณปรีดามากครับ ได้อ่านแล้วมีประโยชน์มาก ผมก็มีปัญหาเรื่องบูโรเหมือนกันแต่ตอนนี้ปิดบัญชีแล้ว แต่ว่ามันเพิ่งปิดไป 3 เดือนเอง และมีปัญหาอยู่ว่าจะต้องทำการกู้เพื่อซื้อบ้าน และคุยกับทางแบงค์แล้วเค้าจะส่งเอกสารเกี่ยวกับการปิดบัญชีมาให้ แล้วไม่รู้ว่าจะมีปัญหาอะไรอีกรึเปล่า ผมควรทำอย่างไรดีครับ
ReplyDeleteสวัสดีครับ คุณบุลนฤทธิ
ReplyDeleteเท่าที่ผมพอทราบมา เวลาแบงค์พิจารณา จะใช้โปรแกรมของแต่ละแห่งช่วยคำนวณ โดยแต่ละฟังก์ชั่นก็จะมีผลต่อการคำนวณ จึงต้องดูหลักเกณฑ์ของแต่ละแห่งครับ ว่าให้วงเงินกู้ได้กี่ % จากราคาขาย
ผมคิดว่า
1. การลดวงเงินกู้ หรือ
2. เพิ่มระยะเวลาการกู้ น่าจะพอแก้ปัญหาได้ครับ
3. สำคัญที่สุด ที่สาขาของธนาคารนั่นละครับ ผจก.สามารถช่วยได้ เพราะต้องการยอดเงินกู้ประจำเดือน ของสาขา
4. ถ้ายังไม่ได้อีก การหาคนมากู้ร่วม ก็น่าจะช่วยได้ครับ
5. อาจจะมีเรื่องการแสดงหลักฐานการมีรายได้ทางอื่นเพิ่มเติมจากที่เคยยื่นแสดงครั้งแรก
ขอบคุณครับ
ปรีดา ลิ้มนนทกุล
086-314-7866
ขอบคุณมากครับ แล้วถ้าได้เรื่องอย่างไรจะแจ้งข่าวให้ทราบ และอาจจะรบกวนปรึกษาอีกที
ReplyDeleteรออ่านตอนต่อไปอยู่นะครับ ชอบมากๆ
ReplyDeleteปิดไป 3 เดือน กับ ปิดไป 6 เดือน นี้ต่างกันไหมครับ อยากกู้ซื้อบ้าน เงินเดือน 35000 จะกู้ซัก 1,500,000 พอไหวไหมครับ
ReplyDeleteผมคิดว่า ไม่ต่างกันครับ
ReplyDeleteส่วนที่ว่า "พอไหม" ต้องดูว่าเรามีภาระหนี้ในบัญชีอื่นอยู่ด้วยรึเปล่าครับ ผจก.ธนาคาร น่าจะช่วยเราได้มากที่สุดครับ
ขอบคุณครับ
ปรีดา ลิ้มนนทกุล
086-314-7866
ขอแสดงความนับถือครับ ^^
ReplyDeleteขอบคุณคุณปรีดาสำหรับบทความมากค่ะ ให้ประโยชน์มากจริงๆ มันเป็นจุดเริ่มต้นในการอยากตรวจสอบเครดิตของตัวเอง ตอนนี้ก็ทำการตรวจสอบข้อมูลเครดิตบูโรอยู่ค่ะ ค่าตรวจก็ 120 บาท ที่ธนาคารนครหลวงไทย ไม่น่าเชื่อว่า แค่เราชำระเงืนเกินกำหนดไม่กี่วัน และถึงแม้เราจะปิดบัญชีไปนานแล้ว มันก็ record ไว้ทำให้เราไม่ผ่านการทำบัตรเครดิตหรือสินเชื่ออื่นๆ ได้ -_-"
ReplyDelete