little-3 : อย่าให้ช่างแอร์มาหลอกเติมน้ำยาอีก


สวัสดีครับทุกคน วันนี้ขอนำความรู้เล็กๆ แต่กระทบกับเงินในกระเป๋าคุณอย่างแน่นอน คือเรื่องแอร์ หรือเครื่องปรับอากาศ ที่ใช้กันตามบ้าน-ที่พักอาศัย-สำนักงานขนาดเล็ก ซึ่งเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ก็มากกว่า 3,500,000 เครื่องเข้าไปแล้ว และในภาพรวมก็มีผลต่อปริมาณการใช้ไฟฟ้าของประเทศด้วย

ผมเคยเขียนให้ความรู้เรื่องแอร์ใน ฟิสิกส์ 360 องศา ตอน 3 : เกี่ยวกับแอร์ ในเว็บไซต์ winbookclub.com เมื่อวันที่ 2/7/2006 ผมจึงขอนำบทความนั้นมาลงซ้ำกันอีกครั้งใน Blog นี้ เพื่อเก็บรวบรวมด้วย เพราะเมื่อก่อนสร้าง Blog ไม่เป็น ผมหวังว่าจะเกิดประโยชน์แก่คุณนะครับ

..........................................................................

ฟิสิกส์ 360 องศา (3)

ตอนนี้ยาวหน่อยนะครับ แต่ต้องอ่านจนจบนะครับ จะเป็นประโยชน์มากๆ

ตอนนี้ผมจะอธิบายเกี่ยวกับแอร์ ให้เข้าใจง่ายๆ ครับ ทุกคนจะได้ทราบ และไม่โดน ช่างแอร์หลอกเอาได้ ว่าต้องเติมน้ำยาแอร์ตลอด

เริ่มเลยครับ ทุกคนทราบนะครับว่า น้ำแข็งเมื่อโดนความร้อน (หรือแม้ตั้งไว้เฉยๆ ก็ถือว่าน้ำแข็งได้รับความร้อนแล้วครับ เพราะอุณหภูมิภายนอกประมาณ 25-30 องศา ซึ่งมากกว่า 0 องศา) ถือว่า " รับความร้อน " หรือ " ดูดความร้อน " ก็จะกลาย เป็นน้ำ และเมื่อน้ำ ดูดความร้อนอีก ก็จะกลายเป็น ไอน้ำ ไงครับ

งั้นเราลองมานึกภาพตามนะครับ เราไม่สามารถเอาน้ำแข็งมาอยู่ในระบบแอร์ หรือเครื่องปรับอากาศได้ จึงต้องใช้น้ำ รวมตัวกันที่ เครื่องจักรตัวหนึ่งที่เรียกว่า " คอมเพรสเซอร์ " ซึ่งตัวมันมีแรงอัดมาก จนทำให้ น้ำเดินทางจาก คอมเพรสเซอร์ ไปยัง ตัวเครื่องทำความเย็นภายในห้อง เรียกว่า " คอยล์เย็น " ได้

ที่ตำแหน่ง คอยล์เย็น นี่แหละครับ น้ำต้องทำหน้าที่สำคัญ เพื่อดูดความร้อนภายใน ห้อง ถึง 100 องศา แล้วต้องกลายเป็นไอ รีบวิ่งไปที่ คอมเพรสเซอร์อีกครั้ง ซึ่งไอน้ำ ก็ต้องกลายเป็นน้ำ อีกครั้ง โดยระหว่างเดินทางจะได้รับความเย็นจากพัดลม จึงจะกลายสถานะจากไอน้ำ เป็นน้ำได้

เรามาดูความสำคัญ กันที่ละส่วนนะครับ

1.น้ำจะต้องดูดความร้อนเพื่อกลายเป็นไอ ที่บริเวณห้องที่เราติดตั้ง คอยล์เย็น แต่ต้องดูดความร้อนถึง 100 องศาถึงจะกลายเป็นไอ ซึ่งในความเป็นจริงเป็นไป ไม่ได้เลย เราจึงต้องใช้ ของเหลว อะไรซักอย่างที่จะดูดความร้อยภายในห้องแทนน้ำ ซึ่งเราเรียกว่า " น้ำยาแอร์ " เมื่อน้ำยาแอร์ ดูดความร้อนภายในห้อง ห้องก็จะเย็นขึ้น ตัวน้ำยาก็จะกลายเป็นไอ แล้วรีบไปที่ คอมเพรสเซอร์

2.ทำไมผมถึงเน้นย้ำว่า น้ำยาแอร์ ต้องมาดูดความร้อนที่ห้อง ก็เพราะว่าถ้ามันดูด ความร้อนระหว่างทาง มันก็จะกลายเป็นไอ ก่อนถึงห้องของเรา เท่ากับมันไม่ได้ ทำหน้าที่ให้ห้องของเราเย็นสบาย ตรงนี้แหล่ะครับที่ มีความจำเป็นอย่างมากที่ต้องมี วัสดุกันความร้อนมาหุ้มที่ท่อ ทองแดง เพราะไม่เช่นนั้น น้ำยาแอร์จะดูดความร้อนจากภายนอกแทน ทำให้แอร์ ไม่เย็น ดังนั้น ถ้าวัสดุหุ้มท่อทองแดงชำรุด หลุด ฉีกขาด น้ำยาแอร์ก็จะดูดความร้อน ผิดตำแหน่ง

3.เมื่อน้ำยาแอร์ ซึ่งมีสภาพเป็นไอ มาถึง คอมเพรสเซอร์ ก็จะเจอกับพัดลม พัดลมจะทำหน้าที่ " คายความร้อน " ให้กับน้ำยาแอร์ เพื่อกลายเป็นของเหลว เพื่อพร้อมจะวิ่งไปยัง คอยล์เย็นอีกครั้ง ........ เป็นวัฎจักร ไม่จบสิ้น

ประเด็นเรื่องพัดลม จะเห็นว่า ถ้าพัดลมเสีย หรือ มีอะไรมาทำให้มันไม่ทำงาน เช่น มีเศษไม้มาขัด หรือวัสดุไปขวาง ก็จะทำให้ไม่สามารถให้ความเย็น หรือ คายความร้อนให้น้ำยาแอร์ไม่ได้ น้ำยาแอร์ก็จะไม่เป็นของเหลว

อีกประเด็นหนึ่ง ถ้าช่างติดตั้ง คอมเพรสเซอร์ ไม่ตรงตามสเปค อาจทำให้การคาย ความร้อนไม่สมบูรณ์ ก็จะทำให้ น้ำยาแอร์ไม่เป็นของเหลวเช่นกัน

ส่วนคำว่า ระบบแอร์ เป็นการทำงานแบบ " วัฎจักร " นั้น เพราะต้องการให้ทราบว่า ระบบแอร์ เป็น " ระบบปิด " น้ำยาแอร์ ไม่มีทางรั่วไหลไปไหน ยกเว้นว่า จะรั่ว หมายถึง น้ำยาแอร์รั่ว จาก

หนึ่ง............จุดข้อต่อต่างๆ ถูกติดตั้งไม่ดี หรือใช้ไปนานๆ เกิด หลวม หรือ เสื่อม

สอง.............ขณะติดตั้ง ช่างดัดท่อทองแดงไม่ดี เกิดรอยหัก หรือมีแนวโน้มว่าจะหัก ทำให้พอนานๆ เข้า จุดมีปัญหาเหล่านี้ ไม่สามารถทนแรงดันของคอมเพรสเซอร์ได้ ก็จะทำให้รั่วในที่สุด

ดังนั้น ที่ช่างแอร์มาบอกว่า น้ำยาขาด ต้องเติมน้ำยา ผมถือว่าหลอกลวง เพราะแอร์ เป็นระบบปิด น้ำยาแอร์ต้องไม่สูญหายไปไหน จะอีกทีคือต้องรั่วเลย ซึ่งก็ต้องถึงกับทำระบบน้ำยาแอร์ใหม่เลย ไม่ใช่มาหลอกเติมน้ำยาครับ

ขอโทษนะครับตอนนี้ยาวหน่อย แต่ผมคิดว่าเป็นประโยชน์กับทุกคนแน่นอน

ขอบคุณครับ
ปรีดา ลิ้มนนทกุล
mobile : 086-314-7866 email : preeda.limnontakul@gmail.com
website : http://www.educationatclick.com/ , http://pwdom.com/
update : June 16, 2007

17 comments:

  1. ผมเป็นคนไม่อ่าน Blog นะครับ เพราะเนื่องด้วยงานที่ยุ่ง และเหนื่อยที่ต้องมาอ่านอะไรก็ไม่รู้ แต่พอได้อ่านสาระที่ไม่ยืดเยื้อ ไม่หลอกขายของ หรือขายตรง ทำให้ต้องมาอ่าน blog แล้ว อย่างไรก็ตามผมต้องขอบคุณปรีดา สำหรับสาระความรู้ที่ผ่านการวิเคราะห์มา ครับ เป็นกำลังใจให้ครับ สำหรับจิตวิญญาณที่เข้มแข็ง

    POK
    www.7catalog.com

    ReplyDelete
  2. รอยยิ้มจางๆ วันที่ : 21/07/2007 เวลา : 20.00 น.
    http://www.oknation.net/blog/wana22
    บ้าน ของ หัวใจ



    ได้ประโยชน์มากเชียวค่ะ คราวหลังจะไม่โดนช่างหลอกนะค่ะ

    ReplyDelete
  3. zuni วันที่ : 22/07/2007 เวลา : 20.18 น.
    http://www.oknation.net/blog/zuni



    เวลาแอร์ไม่เย็นช่างก็บอกอย่างงี้ประจำ สุกท้ายทุกวันนี้
    ปล่อยไว้เป็นเครื่องประดับในห้องไม่ใช้แล้วค่ะ ลดภาวะโลกร้อนค่ะ ต้องยอมร้อนซะเอง55555

    ReplyDelete
  4. ขอแย้งนิดนึงนะครับ เพราะผมมา การเติมน้ำยาแอร์เป็นครั้งคราว เป็นเรื่องปกติ

    ถึงระบบเดินน้ำยาแอร์ เป็นระบบปิด มันก้อ ต้องมีการเล็ดรอดออกจาก ระบบบ้าง

    เหมือนกะยางรถยนต์ ก้อระบบปิด แต่เราก้อยังต้องเปิดลม

    ผมว่าการเติมน้ำยาแอร์ที่พร่อง ปีละครั้ง เป็นเรื่องปกติ

    ReplyDelete
  5. ผมใช้แอร์ ยี่ห้อ ไดกิ้น รุ่น wideCool 18,000 บีทียู มาแล้ว 7 ปี ไม่เคยเติมน้ำยาครับ (ผมมั่นใจว่าช่างที่ทำให้ผม ติดตั้งดี ไม่รั่ว ไม่มั่ว มีความรู้จริง มีจรรยาบรรณ)

    อีกตัวอย่างที่เห็นได้ชัด ตู้เย็น ที่เราใช้ๆ กัน ต้องเติมน้ำยาแอร์ ทุกปี หรือไม่ ส่วนใหญ่ พวกเราก็ใช้กันยาว นอกจากนานๆ เข้า จะเสียจริงๆ สำหรับเรื่องทางด้านเทคนิคมากๆ ผมกำลังเตรียมเนื้อหาใน a little of technology อยู่ บวกกับต้องรอให้ว่างด้วยครับ

    ที่ยกตัวอย่าง ตู้เย็น มาให้พิจารณากัน เพราะว่า ระบบของแอร์กับตู้เย็น เหมือนกันครับ

    ผมไม่อยากให้เพื่อนๆ ถูกหลอก

    ขอบคุณครับ
    ปรีดา ลิ้มนนทกุล

    ReplyDelete
  6. แล้วถ้าเป็นแอร์ในรถนี่ หลักการทำงานเป็นแบบไหนนคะ เพราะเห็นคนต้องไปเติมน้ำยาแอร์กันอยู่เรื่อย ๆ (ไม่ทราบจริง ๆ คะ)

    ReplyDelete
  7. มีประโยชน์มากๆ ขอบคุณที่ให้ความรู้ดีดีแบบนี้

    ReplyDelete
  8. ขอบคุณครับ จะรออ่านอีกครับ

    ReplyDelete
  9. แอร์รถยนต์ ก็หลักการเดียวกันครับ แต่อาจจะมีแตกต่างด้านการออกแบบ และติดตั้งภายในห้องเครื่อง

    ปัญหาสำคัญกับทั้งแอร์บ้าน และแอร์รถคือ การทำความสะอาดระบบแอร์ บวกกับ รถมีความสั่นสะเทือน ก็น่าจะมีโอกาสรั่วซึมได้บ้าง แต่ก็อีกนั่นแหล่ะ เหมือนเดิมครับ ถ้ามีช่างที่สนิทรู้ใจ หรือเข้าศูนย์เป็นประจำ ผมเคยขับรถ คันที่ซื้อใหม่นะครับ จำไม่ได้ว่า เคยมีปัญหาเรื่องแอร์ รึเปล่า

    แต่ถ้าเป็นรถที่เคยถูกชนมา มักมีปัญหาบ่อย หรือถ้าเป็นรถที่ไปเข้าตามร้านแอร์รถต่างหาก ก็มักมีปัญหาบ่อย ผมแนะนำให้เข้าศูนย์ดีกว่า ไม่แพงเทใหร่ ถ้าคิดดูดีๆ ตามร้านอาจคิดไม่แพง แต่ต้องไปบ่อยๆ เพราะผมเคยมีประสบการณ์กับรถอีกคัน ที่ไม่เข้าศูนย์ฯ ครับ

    ยังไงก็ขึ้นอยู่กับ วิจารณญาณของแต่ละท่านนะครับ
    ขอบคุณครับ

    ReplyDelete
  10. เก่งอย่างนี้ทําไมไม่ไปเป็นรัฐมนตรีฟ่ะ(ล้อเล่นน่ะ)

    ReplyDelete
  11. บันทึกเมื่อ: 31 ก.ค. 2010 08:53:05
    Quote

    Posted by airthai in วิธีล้างแอร์บ้าน.
    Tags: ล้างแอร์, ล้างแอร์กี่ครั้งดี, ล้างแอร์กี่เดือนครั้ง
    add a comment
    หลายท่านอาจจะเกิดคำถามว่าในการล้างแอร์บ้านควรจะล้างกี่เดือนครั้งดี เพราะเห็นช่างส่วนใหญ่ก็บอกให้ล้างทุกๆ 6 เดือน แต่บางทีพึ่งล้างไม่กี่เดือนก็เริ่มไม่ค่อยเย็นแล้ว ซื่งปัจจัยในการล้างแอร์บ่อยครั้งแค่ไหนนั้น มีดังนี้

    ปัจจัยหนึ่งก็คือเราเปิดใช้งานแอร์ตัวนั้นบ่อยครั้งและนานแค่ ไหนยิ่งเปิดบ่อยๆหรือเปิดนานๆ ก็ยิ่งต้องล้างแอร์บ่อยครั้งขึ้นเท่านั้น เพราะขณะทีแอร์กำลังทำงาน จะมีการดูดอากาศเข้าไปภายในตัวเครื่องเพื่อหมุนเวียนแล้วพ่นลมเย็นออกมา ทำให้มีฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกเข้าไป แล้วไปหมักหมมอยู่ภายในตัวเครื่อง และจะทำให้ระบายความเย็นได้ไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้เเอร์ทำงานหนักและกินไฟเพิ่มขึ้น
    อีกปัจจัยหนึ่งก็คือตำแหน่งที่อยู่อาศัยของท่าน ถ้าหากอยู่ติดถนน หรืออยู่ในบริเวณที่มีฝุ่นละอองมาก เช่น บริเวณที่กำลังมีการก่อสร้าง เป็นต้น ก็จำเป็นจะต้องล้างแอร์บ่อยครั้งขึ้นตามปริมาณฝุ่นละออง (สังเกตง่ายถ้าด้านหลังของคอยล์ร้อนเริ่มมีฝุ่นจับมากก็ควรล้างทันที อยู่ปล่อยให้อุดตันจนอากาศไหลเวียนได้ไม่สะดวก)

    การล้างแอร์ควรล้างกี่เดือนครั้ง

    ข้อแนะนำ : ควรล้างทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศของแอร์ด้วยน้ำเปล่าทุกๆอาทิตย์ เพื่อลดการอุดตันของแผ่นกรอง(ช่วยประหยัดไฟได้อีกนิด)
    ข้อสังเกต : แอร์จะทำความเย็นได้ดีขึ้น 10-15 เปอร์เซนต์ และประหยัดไฟขึ้นอย่างน้อย 10 เปอร์เซ็นต์ หลังจากการล้างแอร์ อีกทั้งยังช่วยลดสิ่งสกปรก เชื่อโรคที่สะสม อยู่ภายในเครื่องปรับอากาศทำให้เป็นผลดีกับสุขภาพของท่านด้วย

    ว่าด้วยค ำถามต้องเติมน้ำยาแอร์บ้านบ่อยไหม เมษายน 20, 2010
    Posted by airthai in วิธีล้างแอร์บ้าน.
    Tags: ต้องเติมน้ำยาแอร์บ่อยไหม, ต้องเติมน้ำยาแอร์เท่าไหร่, เติมน้ำยาแอร์เท่าไหร่
    add a comment

    ReplyDelete
  12. ต้องเติมน้ำยาแอร์บ่อยไหม

    ลูกค้าหลายท่านชอบถามเวลาจะล้างแอร์ว่ า ต้องเติมน้ำยาประมาณเท่าไหร่ จะต้องเสียกี่บาท ซื่งตรงนี้มันระบุแน่ชัดไม่แน่ชัดหรอกครับว่าต้องเติมน้ำยาแอร์เท่าไหร่ เพราะแอร์แต่ละเครื่องมันจะมีอัตราการรั่วซึมของน้ำยาแอร์ไม่เท่ากัน ซื่งส่วนใหญ่แอร์ที่พึ่งติดตั้งไปไม่เกิน 1 ปี ไม่จำเป็นต้องเติมน้ำยาแอร์(ถ้าเติมก็ไม่เกิน10ปอนด์/ต่อตารางนิ้ว)แต่ถ้า เช็คแล้วน้ำยาขาดไปค่อนข้างเยอะ แสดงว่ามีปัญหาจากการติดตั้งแล้วครับ

    ส่วนแอร์เก่าหลังจาก 1 ปีเป็นต้นไปนั้นจะเติมน้ำยาแอร์บ่อยแค่ไหนก็ต้องดูว่ามีจุดรั่วซึมของน้ำย ามากแค่ไหน(ซื่งดูด้วยตาเปล่ายากมาก ถ้าไม่รั่วออกมามากจริงๆ) ซื่งบริเวณที่มักจะมีน้ำยารั่วซึมคือจุดเชื่อมต่อต่างๆ หรือท่อทองแดงอาจเสียดสีกันจนน้ำยาแอร์สามารถรั่วซึมออกมาก็เป็นได้ ซื่งถ้าแอร์ของท่านมีจุดรั่วมากก็ย่อมต้องเติมมากและต้องเติมบ่อยขึ้นครับ (อาการน้ำยาพร่องแต่ไม่ถึงกับรั่วนี่จะหาจุดที่รั่วซึมยากมากเลยครับ)

    โดยอัตราน้ำยาในระดับปกติของแอร์บ้านทั่วไป จะต้องอยู่ที่ 70-80 ปอนด์/ตารางนิ้ว หรือแล้วแต่ทางผู้ผลิตจะกำหนดมาในแต่ละรุ่นครับ

    เราควรล้างแอร์บ้านบ่อ ยครั้งแค่ไหน เมษายน 18, 2010
    Posted by airthai in วิธีล้างแอร์บ้าน.
    Tags: ควรล้างแอร์กี่ครั้ง, ควรล้างแอร์บ่อยไหม, ต้องล้างแอร์กี่ครัง
    add a comment


    เราควรล้างแอร์บ้านบ่อยครั้งแค่ไหน

    มีลูกค้าหลายท่านถามผมว่าควร ล้างแอร์บ้านบ่อยครั้งแค่ไหน จึงขอเขียนตอบลงในบทความนี้เลยละกันนะครับ โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีคนบอกว่าต้องล้างแอร์6 เดือน/ครั้ง ซื่งตรงนี้คือการประมาณเท่านั้นครับ การที่เราต้องล้างแอร์บ่อยครั้งแค่ไหนมันไม่ตายตัวหรอกครับมันแล้วแต่ปัจจ ัยหลายๆอย่างๆด้วย เช่น

    บริเวณที่เราอาศัยอยู่นั้นอยู่บริเวณไหน ถ้าอยู่ติดถนนก็จำเป็นต้องล้างบ่อยขึ้นโดยสังเกตได้จากแผงคอยล์ร้อนว่าเริ ่มมีการอุดตันของสิ่งสกปรกรึยัง
    และถ้าหากไม่อยู่ติดถนนแต่ใกล้เคียงกับบ้านเรามีการก่อสร้างก็จะทำให้มี สิ่งสกปรกอุดตันเร็วเช่นกัน
    ภายในห้องมีการใช้แป้งเยอะหรือไม่ หรือที่นอนเป็นฝุ่นเยอะหรือไม่ ตรงนี้ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ต้องล้างแอร์เร็วขึ้นนะครับ
    อีกปัจจัยก็คือเราใช้แอร์ตัวนี้บ่อยครั้งแค่ไหน ถ้าเกิดเปิดใช้ทุกวันก็จะทำให้สิ่งสกปรกอุดตันได้เร็วขึ้น เพราะแอร์มีการดูดอากาศที่มีฝุ่นละอองเข้าไปในตัวแอร์อยู่ตลอดเวลา
    ซื่งจากสาเหตุข้างต้นแอร์บางเครื่องจึงควรล้างอย่างน้อย 3 เดือน/ครั้ง เพื่อยืดอายุการใช้งาน ประหยัดไฟ และเพื่อสุขภาพของเราครับ และอีกวิธีนึงที่สามารถช่วยได้เยอะเลยก็คือหมั่นล้างทำความสะอาดแผ่นกรองท ุกอาทิตย์ด้วยตนเองครับ

    ReplyDelete
  13. วิธีล้างแอร์บ้านแบบติดผนัง(ล้างใหญ่) กุมภาพันธ์ 26, 2010
    Posted by airthai in วิธีล้างแอร์บ้าน.
    Tags: ขั้นตอนล้างแอร์, วิธีล้างแอร์, วิธีล้างแอร์ติดผนัง
    add a comment
    เมื่อแอร์เริ่มใช้งานไปได้ประมาณ 6 เดือนแล้วเราควรทำการฉีดล้างตัวแอร์บ้างนะครับ เพื่อความสะอาดและเพื่อความประหยัดไฟ (อาจจะเร็วกว่า 6 เดือน ในกรณีที่บ้านอยู่ติดถนนหรือที่ที่มีฝุ่นละอองเยอะ)

    ส่วนวิธีการล้างแอ ร์ติดผนังมีดังนี้ครับ



    วิธีล้างแอร์บ้านแบบติดผนัง

    1. ให้ทำการเปิดหน้ากากออกมาโดยใช้มือทั้งสองข้าง (ที่ดึงจะอยู่ริมซ้ายและขวา) เพื่อดึงแผ่นกรองอากาศออกมาก่อน
    2. ขันสกรูที่ยึดตัวหน้ากากแอร์ไว้ (แต่ละยี่ห้อจะมีจุดยึดไม่เหมือนกัน ให้สังเกตดีๆ)
    3. ค่อยๆดึงหน้ากากแอร์แอร์ออกมา บางยี่ห้อสามารถดึงโดยจับด้านบนหน้ากากแอร์ บางยี่ห้อสามารถใช้มือสองข้างจับริมหน้ากากแอร์แล้วดึงออกได้เลย (ให้สังเกตจุดล็อกเอา)
    4. ขันสกรูที่ล็อคถาดน้ำทิ้งออก แล้วค่อยขยับปล็ดล็อคถาดน้ำทิ้ง จากนั้นก็ดึงท่อทิ้งที่อยู่กับถาดน้ำทิ้งออก

    วิธีล้างแอร์

    5. ใช้ผ้าใบพลาสติกคลุมแอร์ไว้ (คลุมแบบไหนก็ได้ไม่ให้น้ำหยด) แล้วทำการฉีดล้างด้วยปั๊มน้ำแรงดันสูง(ก่อนฉีดล้างควรสับเบรกเกอรร์ลง และใช้ผ้าคลุมแผงควบคุมด้านขวามือไว้)

    ขั้นตอนล้างแอร์ติดผนัง

    6. ใช้โบวเวอร์เป่าแผงคอยล์และแผงไฟให้แห้ง แล้วใช้ผ้าเช็ดให้สะอาด
    7. ประกอบแอร์กลับเข้าที่ให้เรียบร้อยโดยเริ่มจากใส่ถาดน้ำทิ้งก่อน

    สอนวิ ธีล้างแอร์บ้านแบบติดผนัง

    8. ทำการฉีดล้างคอยล์ร้อน(คอนเดนซิ่งยูนิต) ให้สะอาดด้วยปั๊มน้ำแรงดันสูง โดยไม่ต้องถอดชิ้นส่วน
    9. จากนั้นก็สับเบรกเกอร์ขึ้น แล้วเปิดแอร์เพื่อทดสอบการทำงาน

    ReplyDelete
  14. ผมว่าก็อาจจะมีซึมบ้างแต่ไม่มากครับ

    ReplyDelete
  15. จริงๆ แล้วเรื่องการซึม หรือไม่นั้น มีข้ออธิบายง่ายๆ นะครับ

    ถ้าคุณเอาน้ำใส่ถุงพลาสติกจนเต็ม แล้วเจารู น้ำจะไหลออกจากถุง ขึ้นกับว่าเจาะรูตำแหน่งไหน น้ำก็จะพุ่งออกมา เพราะแรงดันของน้ำในถุง จะมีมากกว่าบรรยากาศข้างนอก ซึ่งในความจริงแล้วน้ำในถุงมีแรงดันต่างจากบรรยากาศไม่มาก ขึ้นกับปริมาณ ยังพุ่งออกมาเลย

    แต่สำหรับแรงดันในระบบแอร์นั้น มีมากกว่าบรรยากาศหลายเท่าครับ ผมจึงอยากให้ทุกคนเข้าใจใหม่ว่า "ไม่มีการซึมเล็กน้อย" นะครับ ถ้ามีจุดรั่ว น้ำยามันจะพุ่งออกมาจนเกือบหมด

    ผมยังยืนยัน แอร์ผม 10 ปี ไม่เคยเติมน้ำยาแอร์ครับ

    ขอบคุณครับ
    ปรีดา

    ReplyDelete
  16. http://autit.wordpress.com/2010/10/19/%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C-%E0%B8%A3/

    ReplyDelete
  17. ผมก็เจอครับ

    ล้างแอร์ กลโกง คิดค่าเติมน้ำยาแอร์อีก 400บาท/เครื่อง

    หจก. ส.สกุลทองแอร์
    สมพงษ์ สกุลทอง
    74/744 ซอยทานสัมฤทธิ์พัฒนา 16 ถนนติวานนท์ 38 ต.ท่าทราย อ.เมือง นนทบุรี
    Tel 02-580-6560, 081-914-5385

    ค่าล้างแอร์ 500 บาท พร้อม ค่าเติมน้ำยาแอร์ (ค่าโง่ 400 บาท เครื่องใหญ่ 900 บาท)
    อย่าไปหลงเชื่อ ให้ร้านนี้ (หจก. ส.สกุลทองแอร์) ไปล้างแอร์เด็ดขาด ******
    คือ บ้านผมอยู่ที่บ้านน้อยวัดตำหนักเหนือ ต.บางตะไนย์ อ.ปากเกร็ด นนทบุรี ร้านหจก. ส.สกุลทองแอร์ ได้ไปล้างแอร์ที่บ้าน ซึ้งเป็นวันทำงาน ที่บ้านจะมีบ้านอยู่กัน 3 หลัง มีแต่ผู้หญิงไม่รู้เรื่องการล้างแอร์เลย
    ได้ล้างแอร์ไปทั้งหมด 8 เครื่อง โดยคิดค่าล้างแอร์เครื่องละ 500 บาท และบอกว่าต้องเติมน้ำยาแอร์ด้วยโดยคิดค่าเติมน้ำยาแอร์ อีกเครื่องละ 400 บาท มีแอร์เครื่องใหญ่อยู่ 1 เครื่องคิด 900 บาท
    ดังนั้น ได้เงินค่าล้างแอร์ 500 x 8 = 4,000 บาท
    แถมค่าเติมน้ำยาแอร์ (ค่าโง่) อีก 400 x 7 +900 = 3,700 บาท

    ร้านที่ผมเคยใช้บริการ ล้างแอร์ + พร้อมเติมน้ำยาแอร์ เขาคิด 300 – 400 บาท เท่านั้นเอง
    ถ้าต้องเติมน้ำยาแอร์ใหม่ทั้งหมดก็ต่อเมื่อทำการล้างใหญ่ซึ่งจะทำกับแอร์เก่าหรือแอร์ที่สกปรกมากๆ ที่ล้างแบบธรรมดาไม่ออก คือต้องปล่อยน้ำยาแอร์เก่าออกหมดแล้วถอดตัวแอร์ในห้องออกทั้งตัว เอามาทำความสะอาด ล้างกันนอกบ้าน ทุกชิ้นส่วนทั้งแผงวงจร แผงคอลเย็นก็ใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงฉีดล้าง วันหนึ่งล้างได้อย่างมากก็ 2-3ตัวก็เก่งแล้ว
    อย่างนี้คิดค่าบริการ + ค่าน้ำยาแอร์ที่เติมใหม่ ก็ยินดีจ่าย
    ไม่ใช่ไม่กี่ชั่วโมงล้าง +ค่าเติมน้ำยา ทำได้ตั้ง 8-9ตัว แล้วยังทิ้งปัญหาไว้ให้อีกด้วยความรีบร้อน เครื่องหนึ่งกลายเป็นน้ำตกน้ำไหลโกรก อีกเครื่องดังกะฮึ่มยังกับวงดนตรี

    *** อย่าไปหลงเชื่อ ให้ร้านนี้ (หจก. ส.สกุลทองแอร์) ไปล้างแอร์เด็ดขาด ******

    ReplyDelete

บทความที่ได้รับความนิยมในการอ่าน 1-10 อันดับแรก